Home Blog Page 3

ว่ากันว่าคนที่มีแก้มยุ้ยมักจะดูเด็กกว่าวัย ส่วนเด็กเล็กที่แก้มยุ้ยก็มักจะเป็นที่รักที่เอ็นดูของผู้ใหญ่ ต้องโดนจับแก้ม หอมแก้ม อยู่เป็นประจำ

ภาษาอังกฤษคำว่าแก้มยุ้ย หรือ แก้มป่อง ตรงกับคำว่า Chubby Cheeks

แก้มยุ้ย ภาษาอังกฤษ

คำว่า Cheeks แปลว่า แก้ม

ส่วนคำว่า Chubby แปลว่า อ้วน ,จ้ำม่ำ

คำว่า Chubby สามารถใช้กับส่วนอื่นของร่างกายได้ด้วย นอกเหนือไปจากแก้ม เช่น
Chubby legs ก็หมายถึง ขาจ้ำม่ำ

แม้ว่าจะมีความหมายไปในการบอกว่า อ้วน แต่คำว่า Chubby ก็มีความหมายในทางบวก เป็นความอ้วนที่น่ารัก แต่อย่างไรก็ตามคำนี้เหมาะที่จะใช้กับเด็ก ๆ เท่านั้น เพราะโดยมากแล้วผู้ใหญ่ทุกคนไม่ค่อยอยากให้ใครมาตำหนิว่าตัวเองอ้วนกันสักเท่าไรนัก โดยเฉพาะถ้าไม่สนิทกันด้วยแล้ว ใครมาทักว่าอ้วนละก็ โกรธกันตายเลย

สำหรับคนที่ศึกษาเรื่องของประเทศต่าง ๆ ในโลก ไม่ว่าจะด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การเมือง หรือเศรษฐกิจ ย่อมที่จะอยากรู้จักชื่อประเทศและเมืองหลวงของแต่ละประเทศอย่างแน่นอน เราจึงได้รวบรวมข้อมูลมาให้ได้ทราบกัน

รายชื่อประเทศและเมืองหลวง

Afghanistan – Kabul
Albania – Tirane
Algeria – Algiers
Andorra – Andorra la Vella
Angola – Luanda
Antigua and Barbuda – Saint John’s
Argentina – Buenos Aires
Armenia – Yerevan
Australia – Canberra
Austria – Vienna
Azerbaijan – Baku
Bahrain – Manama
Bangladesh – Dhaka
Barbados – Bridgetown
Belarus – Minsk
Belgium – Brussels
Belize – Belmopan
Benin – Porto-Novo
Bhutan – Thimphu
Bolivia – La Paz
Bosnia and Herzegovina – Sarajevo
Botswana – Gaborone
Brazil – Brasilia
Brunei – Bandar Seri Begawan
Bulgaria – Sofia
Burkina Faso – Ouagadougou
Burma – Rangoon
Burundi – Bujumbura
Cambodia – Phnom Penh
Cameroon – Yaounde
Canada – Ottawa
Cape Verde – Praia
Central African Republic – Bangui
Chad – N’Djamena
Chile – Santiago
China – Beijing
Colombia – Bogota
Comoros – Moroni
Costa Rica – San Jose
Cote d’Ivoire – Yamoussoukro
Croatia – Zagreb
Cuba – Havana
Cyprus – Nicosia
Czech Republic – Prague
Democratic Republic of the Congo – Kinshasa
Denmark – Copenhagen
Djibouti – Djibouti
Dominica – Roseau
Dominican Republic – Santo Domingo
East Timor – Dili
Ecuador – Quito
Egypt – Cairo
El Salvador – San Salvador
Equatorial Guinea – Malabo
Eritrea – Asmara
Estonia – Tallinn
Ethiopia – Addis Ababa
Federated States of Micronesia – Palikir
Fiji – Suva
Finland – Helsinki
France – Paris
Gabon – Libreville
Georgia – Tbilisi
Germany – Berlin
Ghana – Accra
Greece – Athens
Grenada – Saint George’s
Guatemala – Guatemala City
Guinea – Conakry
Guinea-Bissau – Bissau
Guyana – Georgetown
Haiti – Port-au-Prince
Honduras – Tegucigalpa
Hungary – Budapest
Iceland – Reykjavik
India – New Delhi
Indonesia – Jakarta
Iran – Tehran
Iraq – Baghdad
Ireland – Dublin
Israel – Jerusalem
Italy – Rome
Jamaica – Kingston
Japan – Tokyo
Jordan – Amman
Kazakhstan – Astana
Kenya – Nairobi
Kiribati – Tarawa
Kuwait – Kuwait City
Kyrgyzstan – Bishtek
Laos – Vientiane
Latvia – Riga
Lebanon – Beirut
Lesotho – Maseru
Liberia – Monrovia
Libya – Tripoli
Liechtenstein – Vaduz
Lithuania – Vilnius
Luxembourg – Luxembourg
Macedonia – Skopje
Madagascar – Antananarivo
Malawi – Lilongwe
Malaysia – Kuala Lumpur
Maldives – Male
Mali – Bamako
Malta – Valletta
Marshall Islands – Majuro
Mauritania – Nouakchott
Mauritius – Port Louis
Mexico – Mexico City
Moldova – Chisinau
Monaco – Monaco
Mongolia – Ulaanbaatar
Morocco – Rabat
Mozambique – Maputo
Namibia – Windhoek
Nauru – Yaren District
Nepal – Kathmandu
Netherlands – Amsterdam
New Zealand – Wellington
Nicaragua – Managua
Niger – Niamey
Nigeria – Abuja
North Korea – Pyongyang
Norway – Oslo
Oman – Muscat
Pakistan – Islamabad
Palau – Koror
Panama – Panama City
Papua New Guinea – Port Moresby
Paraguay – Asuncion
Peru – Lima
Philippines – Manila
Poland – Warsaw
Portugal – Lisbon
Qatar – Doha
Republic of the Congo – Brazzaville
Romania – Bucharest
Russia – Moscow
Rwanda – Kigali
Saint Kitts and Nevis – Basseterre
Saint Lucia – Castries
Saint Vincent and the Grenadines – Kingstown
Samoa – Apia
San Marino – San Marino
Sao Tome and Principe – Sao Tome
Saudi Arabia – Riyadh
Senegal – Dakar
Serbia and Montenegro – Belgrade
Seychelles – Victoria
Sierra Leone – Freetown
Singapore – Singapore
Slovakia – Bratislava
Slovenia – Ljubljana
Solomon Islands – Honiara
Somalia – Mogadishu
South Africa – Pretoria
South Korea – Seoul
Spain – Madrid
Sri Lanka – Colombo
Sudan – Khartoum
Suriname – Paramaribo
Swaziland – Mbabana
Sweden – Stockholm
Switzerland – Bern
Syria – Damascus
Taiwan – Taipei
Tajikistan – Dushanbe
Tanzania – Dar es Salaam
Thailand – Bangkok
The Bahamas – Nassau
The Gambia – Banjul
Togo – Lome
Tonga – Nuku’alofa
Trinidad and Tobago – Port-of-Spain
Tunisia – Tunis
Turkey – Ankara
Turkmenistan – Ashgabat
Tuvalu – Funafuti
Uganda – Kampala
Ukraine – Kiev
United Arab Emirates – Abu Dhabi
United Kingdom – London
United States – Washington D.C.
Uruguay – Montevideo
Uzbekistan – Tashkent
Vanuatu – Port-Vila
Vatican City – Vatican City
Venezuela – Caracas
Vietnam – Hanoi
Yemen – Sanaa
Zambia – Lusaka
Zimbabwe – Harare

หลายคนคงสงสัยว่า หอมแก้ม ในภาษาอังกฤษ ตรงกับคำศัพท์คำใด ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าเดิมทีเดียวการหอมแก้มไม่ใช่วัฒนธรรมของชาวตะวันตกในการแสดงความรัก ฉะนั้นแล้วโดยส่วนใหญ่จะเป็นการจูบแก้มเสียมากกว่า ซึ่งใช้คำว่า kiss เช่น

I kissed her on the cheek. แปลว่า ฉันจูบเธอที่แก้ม

แต่แน่นอน เมื่อวัฒนธรรมทั่วโลกแพร่หลายกันมากขึ้น คนไทยไปอยู่ต่างประเทศบ้าง คนต่างชาติมาอยู่ในประเทศไทยบ้าง การหอมแก้ม จึงเป็นรูปแบบการแสดงออกทางความรักที่รู้จักกันมากขึ้น จึงต้องมีชื่อเรียกอย่างแน่นอน เราเรียกการหอมแก้มว่า

sniff kiss แปลว่า หอมแก้ม , หอม

คำนี้เป็นส่วนผสมระหว่างคำว่า

sniff แปลว่า สูดกลิ่น

kiss แปลว่า จูบ

หอมแก้มภาษาอังกฤษ

การแสดงออกทางความรักของประเพณีตะวันตก เป็นสิ่งที่ธรรมดา การจูบกันในที่สาธารณะเป็นเรื่องปกติ ส่วนของไทยยังเป็นเรื่องน่าอายที่จะทำเช่นนี้ การเปลี่ยนมา หอมแก้ม (sniff kiss) จะทำให้ลดความขัดเขินกันไปได้

การปั่นจักรยาน (cycling หรือ biking) กำลังเป็นกีฬาและการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพื่อไม่ให้ตกยุค เราคงจะต้องติดตามคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับชิ้นส่วนรถจักรยานกันบ้างละ

คำว่าจักรยาน ภาษาอังกฤษ คือ bicycle , cycle  และอีกคำหนึ่งที่ใช้กันบ่อยคือ bike คำนี้มีความหมายเป็นได้ทั้งจักรยาน และมอเตอร์ไซด์

ส่วนต่าง ๆ ของ รถจักรยาน  ภาษาอังกฤษ

ชิ้นส่วนรถจักรยานภาษาอังกฤษ

air valve แปลว่า วาล์วเติมลมยาง (ท่อที่ติดอยู่กับยางรถ เป็นช่องสำหรับเติมลม)
back fork แปลว่า ตะเกียบหลังจักรยาน (โครงเหล็กส่วนที่ยึดล้อ )
baggage carrier แปลว่า ที่วางสัมภาระ
brake แปลว่า เบรก , ห้ามล้อ (ส่วนที่ติดอยู่กับล้อ เมื่อบีบคันเบรก เบรกจะทำการห้ามล้อ)
brake lever แปลว่า คันเบรก
chain แปลว่า โซ่
chain guard แปลว่า ครอบโซ่

fender แปลว่า บังโคลนรถ
front fork แปลว่า ตะเกียบหน้าจักรยาน (โครงเหล็กส่วนที่ยึดล้อ )

front brake แปลว่า เบรกล้อหน้า
gearshift แปลว่า คันเปลี่ยนเกียร์
grip แปลว่า ด้ามจับ พลาสติกหุ้มแฮนด์รถ ส่วนที่เราใช้มือจับ เวลาขี่จักรยาน)

handlebar คือ แฮนด์รถ
headlight คือ ไฟหน้า
hub คือ ดุมล้อ
kick-stand คือ ขาตั้ง (ค้ำยันจอด)
pedal คือ ที่ถีบปั่นจักรยาน (ส่วนที่วางเท้า เพื่อปั่นจักรยาน)
rear brake คือ เบรกหลัง

rear tire แปลว่า ยางล้อหลัง
rim แปลว่า ขอบล้อ
saddle แปลว่า อานรถ (ส่วนที่ใช้นั่ง)
spoke แปลว่า ซี่ล้อรถ
tire แปลว่า ยางรถ
tire pump แปลว่า ที่สูบลมรถ

การขับรถซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำทุกวันสำหรับบางท่านนั้น มีคำกิริยาที่หลากหลายอยู่ในกระบวนการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น การเหยีบคันเร่ง, เปลี่ยนเกียร์, เบรก, ขับถอยหลัง เป็นต้น ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับบรรดาคำกิริยาภาษาอังกฤษที่ใช้ในการขับรถ

คำกิริยาขับรถ ภาษาอังกฤษ

คำกิริยาในการขับรถ

accelerate แปลว่า เร่งความเร็ว , เหยียบคันเร่ง

back up แปลว่า ถอยรถ , ขับถอยหลัง

change gears แปลว่า เปลี่ยนเกียร์

crash แปลว่า ชน

drive แปลว่า ขับรถ

fasten seat-belt แปลว่า คาดเข็มขัดนิรภัย

fill up with gas แปลว่า เติมน้ำมัน  (น้ำมันเบนซิน คือ Gasoline)

park แปลว่า จอดรถ

pass แปลว่า ขับผ่าน , ขับแซง  รถคันอื่น

push the accelerator แปลว่า เหยียบคันเร่ง

push the clutch แปลว่า เหยียบคลัทช์

race แปลว่า แข่งความเร็ว , ขับเร็ว

run out of gas แปลว่า น้ำมันหมด

Shift Transmission into Reverse แปลว่า เข้าเกียร์ถอยหลัง

slow down แปลว่า ลดความเร็ว

speed up แปลว่า เพิ่มความเร็ว

stop แปลว่า จอด

เครื่องสำอางแต่งหน้า (Makeup) เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับผู้หญิงมาเนิ่นนานแล้ว และดูเหมือนเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้หญิงหลาย ๆ คน หากไม่แต่งหน้าวันใดก็จะขาดความมั่นใจทันที

อุปกรณ์ เครื่องสำอาง ในการแต่งหน้านั้นมีอยู่หลายชนิด ซึ่งบางอย่างก็เรียกทับศัพท์กันแทนคำไทย ทำให้แม้ไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษก็ทราบความหมายอยู่แล้ว เช่น ลิปสติก

แต่งหน้าภาษาอังกฤษ

 

blush brush แปลว่า แปรงปัดแก้ม

คำว่า blush นั้นแปลว่า หน้าแดง (ด้วยความอาย) เมื่อรวมกับ brush ที่แปลว่า แปรง จึงมีความหมายว่า แปรงปัดแก้ม

 

brow brush แปลว่า แปรงเขียนคิ้ว

 

eye shadow แปลว่า อายแชโดว์

เป็น เครื่องสําอางที่ใช้ทาลงบนเปลือกตา

 

eyebrow pencil แปลว่า ดินสอเขียนคิ้ว

 

eyelash curler แปลว่า ที่ดัดขนตา

 

eyeliner แปลว่า อายไลเนอร์

เป็นเครื่องสําอางที่ใช้เขียนรอบรูปทรงของดวงตา เพื่อเน้นให้ดวงตาสวยเด่น

 

lipstick แปลว่า ลิปสติก

เป็นเครื่องสําอางแต่งสีให้ริมฝีปาก

 

foundation แปลว่า รองพื้น
liquid foundation แปลว่า รองพื้นชนิดน้ำ
cream compact foundation รองพื้นชนิดครีม
Powder foundation รองพื้นชนิดแป้ง

 

mascara แปลว่า มาสคารา

เครื่องสำอางที่ใช้เพิ่มความหนาและความยาวแก่ขนตา

 

ได้รู้คำศัพท์อุปกรณ์ เครื่องสำอางที่ใช้ในการแต่งหน้ากันไปแล้ว เราย้อนมาดูคำว่าการแต่งหน้ากันบ้าง

คำว่า makeup เป็นคำนาม แปลว่า สารหรือเครื่องสำอางที่ใช้กับใบหน้าเพื่อทำให้ดูดี

ซึ่งหากจะพูดประโยคว่า แต่งหน้านั้น ให้ใช้คำว่า

wear makeup

put on makeup

เช่น

I put on a little eye make-up.  แปลว่า ฉันแต่งหน้าที่ดวงตานิดหน่อย
She wears a lot of make-up. เธอใช้เครื่องสำอางค์แต่งหน้าเยอะ  (เธอแต่งหน้าเยอะ)

วันนี้เราจะมาเรียนรู้คำศัพท์หมวดหมู่อาชีพในภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นอีกชุดคำศัพท์ที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ ไม่แพ้กลุ่มคำอื่น ๆ นอกจากจะได้เรียนรู้แล้ว ยังเป็นแรงบันดาลใจ เป็นเป้าหมายให้กับเด็ก ๆ ได้อีกด้วย ว่าโตขึ้นไปพวกเขาอยากที่จะทำงานหน้าที่อะไร

รายชื่ออาชีพภาษาอังกฤษ

 

 Accountant แปลว่า นักบัญชี

Actor /Actress แปลว่า นักแสดงชาย / นักแสดงหญิง

Architect แปลว่า สถาปนิก

Astronomer แปลว่า นักดาราศาสตร์

Author แปลว่า นักเขียน

 

Baker แปลว่า คนทำขนมปัง

Bricklayer แปลว่า ช่างก่ออิฐ , ช่างปูน

Bus driver แปลว่า คนขับรถประจำทาง

Butcher แปลว่า คนขายเนื้อ

 

Carpenter แปลว่า ช่างไม้

Chef/Cook แปลว่า พ่อครัว , กุ๊ก

Cleaner แปลว่า พนักงานทำความสะอาด

 

Dentist แปลว่า ทันตแพทย์

Designer แปลว่า นักออกแบบ

Doctor แปลว่า  หมอ ,แพทย์

Dustman/Refuse collector แปลว่า พนักงานเก็บขยะ

 

Electrician แปลว่า ช่างไฟฟ้า

Engineer แปลว่า วิศวกร

 

Factory worker แปลว่า พนักงานโรงงาน

Farmer แปลว่า ชาวนา

Fireman/Fire fighter แปลว่า เจ้าหน้าทีดับเพลิง

Fisherman แปลว่า ชาวประมง

 

Gardener แปลว่า ชาวสวน

Hairdresser แปลว่า ช่างทำผม

 

Journalist แปลว่า นักข่าว

Judge แปลว่า ผู้พิพากษา

 

Lawyer แปลว่า ทนายความ

Lecturer แปลว่า วิทยากร

Librarian แปลว่า บรรณารักษ์

Lifeguard แปลว่า การ์ดช่วยคนจมน้ำ

 

Mechanic แปลว่า ช่างเครื่อง

 

Newsreader แปลว่า ผู้ประกาศข่าว

Nurse แปลว่า นางพยาบาล

 

Optician แปลว่า ช่างแว่นตา

 

Painter แปลว่า จิตรกร ,ช่างทาสี

Pharmacist แปลว่า เภสัชกร

Photographer แปลว่า ช่างถ่ายรูป

Pilot แปลว่า นักบิน

Plumber แปลว่า ช่างประปา

Politician แปลว่า นักการเมือง

Policeman/Policewoman แปลว่า ตำรวจ / ตำรวจหญิง

Postman แปลว่า บุรุษไปรษณีย์

 

Real estate agent แปลว่า นายหน้าซื้อขายที่ดิน

Receptionist แปลว่า พนักงานต้อนรับ

Scientist แปลว่า นักวิทยาศาสตร์

Secretary แปลว่า เลขานุการ

Soldier แปลว่า ทหาร

 

Tailor แปลว่า ช่างตัดเสื้อ

Taxi driver แปลว่า คนขับรถแท็กซี่

Teacher แปลว่า ครู

Translator แปลว่า นักแปล

 

Veterinary doctor แปลว่า สัตวแพทย์

Waiter/Waitress แปลว่า พนักงานเสิร์ฟชาย / นักงานเสิร์ฟหญิง

Window cleaner แปลว่า พนักงานเช็ดกระจก

เพื่อให้จดจำได้ง่ายยิ่งขึ้น เราจะแบ่งหมวดหมู่คำศัพท์ สภาพอากาศ (weather) ภาษาอังกฤษออกเป็น 4 ลักษณะ คือ ท้องฟ้าแจ่มใสหรือมีเมฆ ,ฝนตก ,อากาศหนาว และ ลมแรง

สภาพอากาศภาษาอังกฤษ

Clear or Cloudy : ท้องฟ้าแจ่มใสหรือมีเมฆ

Bright หมายถึง อากาศสดใส ดวงอาทิตย์ส่องแสงแรง
Sunny หมายถึง แดดจัด ไม่มีเมฆ
Clear หมายถึง ท้องฟ้าโปร่ง ไม่มีเมฆ
Fine หมายถึง ฝนไม่ตก ท้องฟ้าโปร่ง
Partially cloudy หมายถึง มีเมฆบางส่วน
Cloudy หมายถึง มีเมฆมาก
Overcast หมายถึง มีเมฆมืดครึ้ม
Gloomy หมายถึง อากาศหม่นหมอง มีเมฆดำ

Fog (noun)/ foggy (adjective) หมายถึง มีหมอกปกคลุมไปทั่ว
Mist (noun) / misty (adjective) หมายถึง มีหมอกจาง ๆ

Types of Rain: =ประเภทของฝน

Damp หมายถึง อากาศชื้น โดยมากเกินขึ้นหลังฝนหยุดตก
Drizzle หมายถึง ฝนตกปรอย ๆ
Shower หมายถึง ฝนตกปรอย ๆ , ฝนตกกระจัดกระจายไม่ทั่วฟ้า
Rain หมายถึงฝนตก
Downpour หมายถึง ฝนตกหนัก
Pour หมายถึง ฝนตกหนัก
It’s raining cats and dogs หมายถึง ฝนตกหนัก (เป็นสำนวน)
Torrential rain หมายถึง ฝนตกหนักมาก
Flood หมายถึง น้ำท่วม

 

Cold : อากาศหนาว

Hail หมายถึง ลูกเห็บ (ก้อนน้ำแข็งตกจากฟ้า)
Hailstones หมายถึง ลูกเห็บ
Snow หมายถึง หิมะ
Sleet หมายถึง หิมะ หรือ ลูกเห็บ ตกลงมาพร้อมฝน
Blizzard หมายถึง พายุหิมะ

 

Types of Wind : ชนิดของลม

Breeze หมายถึง สายลมโชยอ่อน

Blustery หมายถึง ลมกรรโชก (ลมแรงกระทันหัน)

Windy หมายถึง ลมแรงต่อเนื่อง

Gale หมายถึง ลมแรงจัด , พายุ

Hurricane/cyclone/typhoon หมายถึง พายุเฮอริเคน / ไซโคลน / พายุไต้ฝุ่น

Tornado หมายถึง พายุทอร์นาโด

การอ่านเบอร์โทรศัพท์ภาษาอังกฤษก็เหมือนกันกับการอ่านเบอร์โทรในภาษาไทยตรงที่เราจะอ่านเลขทีละตัว เช่น

083-1234567 อ่านว่า
Oh Eight Three – One Two Three Four Five Six Seven
โอ เอท ทรี – วัน ทู ทรี โฟว์ ไฟว์ ซิก เซเว่น

อ่านเบอร์โทรศัพท์ภาษาอังกฤษ

จะเห็นได้ว่า เลข 0 อ่านออกเสียงว่า Oh (โอ) ซึ่งจะอ่านว่า Zero (ซีโร่) ก็ได้เช่นกัน

ถ้าในเบอร์โทรศัพท์มีเลขซ้ำกัน 2 ตัว อยู่ติดกัน เราจะอ่านว่า double (ดับเบิ้ล) ตามด้วยเลขนั้น เช่น
083 – 1234557 อ่านว่า
โอ เอท ทรี – วัน ทู ทรี โฟว์ ดับเบิ้ลไฟว์ เซเว่น

ถ้าในเบอร์โทรศัพท์มีเลขซ้ำกัน 3 ตัว อยู่ติดกัน เราจะอ่านว่า tripple (ทริปเปิล) ตามด้วยเลขนั้น เช่น
083 – 1234555 อ่านว่า
โอ เอท ทรี – วัน ทู ทรี โฟว์ ทริปเปิลไฟว์

บางหน่วยงานจะมีเบอร์ต่อสายภายใน หลังจากเบอร์โทรศัพท์หลัก เช่น 02-1234567  ex  15
เราอ่าน ex , ext ว่า extension (เอ็กเทนชั่น) ส่วนเลขข้างหลังหากมากกว่า 2 หลักขึ้นไป นิยมอ่านทีละตัว
แต่ถ้าไม่เกินสองหลักอาจจะอ่านทีละตัว หรือ อ่านรวมกันเลยก็ได้ เช่น
ex 15 อ่านว่า เอ็กเทนชั่น วัน ไฟว์ หรือ เอ็กเทนชั่น ฟิฟทีน

 

สำหรับการถาม เบอร์โทรศัพท์ของบุคคลอื่น เราสามารถถามได้ดังนี้
What’s your phone number? เบอร์โทรของคุณ คือ อะไร ?
What is James’s phone number? เบอร์โทรของเจมส์ คือ อะไร ?

ถึงแม้คำว่า Wake up และ Get up ในภาษาอังกฤษ ต่างก็มีความหมายแปลว่าตื่นนอนทั้งคู่ แต่จริง ๆ แล้ว ทั้งสองคำนี้มีความแตกต่างกันอยู่อย่างมากเลยทีเดียว

get up หมายถึง ลุกขึ้นจากที่นอน ,เปลี่ยนจากท่านอนเป็นลุกขึ้นยืนด้วยเท้า

I first thing I do when I get up is go to the toilet.
สิ่งแรกที่ฉันทำเมื่อฉันตื่นนอน(ลุกขึ้นจากที่นอน) คือ ไปเข้าห้องน้ำ

wake up หมายถึง รู้สึกตัวหลังจากที่นอนหลับ

เมื่อคุณนอนหลับ คุณจะไม่รู้สึกตัว ทันทีที่คุณรู้สึกตัวไม่ว่าจะตื่นเอง หรือ นาฬิกาปลุกดัง เราเรียกว่าตื่นนอน ซึงคุณอาจจะยังไม่ลุกขึ้นจากที่นอนก็ได้

My alarm clock rang and I woke up immediately.
นาฬิกาปลุกของฉันดังและฉันตื่นนอน (รู้สึกตัว) ทันที

wake up และ get up

โดยสรุปแล้ว wake up คือ หยุดนอนหลับ ,รู้สึกตัว แต่ get up คือ ลุกขึ้นจากที่นอน

I wake up around 7 o’clock but I don’t get up until around 8.
ฉันตื่นนอน (รู้สึกตัว) ราว 7 โมงเช้า แต่ยังไม่ลุกขึ้นจนกระทั่งโปดโมง.