Home คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เรียนความหมายของคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ ผู้ที่รู้และจดจำคำศัพท์ได้มาก ย่อมมีพัฒนาการทางภาษาที่สูง

หลายคนคงสงสัยว่า หอมแก้ม ในภาษาอังกฤษ ตรงกับคำศัพท์คำใด ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าเดิมทีเดียวการหอมแก้มไม่ใช่วัฒนธรรมของชาวตะวันตกในการแสดงความรัก ฉะนั้นแล้วโดยส่วนใหญ่จะเป็นการจูบแก้มเสียมากกว่า ซึ่งใช้คำว่า kiss เช่น

I kissed her on the cheek. แปลว่า ฉันจูบเธอที่แก้ม

แต่แน่นอน เมื่อวัฒนธรรมทั่วโลกแพร่หลายกันมากขึ้น คนไทยไปอยู่ต่างประเทศบ้าง คนต่างชาติมาอยู่ในประเทศไทยบ้าง การหอมแก้ม จึงเป็นรูปแบบการแสดงออกทางความรักที่รู้จักกันมากขึ้น จึงต้องมีชื่อเรียกอย่างแน่นอน เราเรียกการหอมแก้มว่า

sniff kiss แปลว่า หอมแก้ม , หอม

คำนี้เป็นส่วนผสมระหว่างคำว่า

sniff แปลว่า สูดกลิ่น

kiss แปลว่า จูบ

หอมแก้มภาษาอังกฤษ

การแสดงออกทางความรักของประเพณีตะวันตก เป็นสิ่งที่ธรรมดา การจูบกันในที่สาธารณะเป็นเรื่องปกติ ส่วนของไทยยังเป็นเรื่องน่าอายที่จะทำเช่นนี้ การเปลี่ยนมา หอมแก้ม (sniff kiss) จะทำให้ลดความขัดเขินกันไปได้

การปั่นจักรยาน (cycling หรือ biking) กำลังเป็นกีฬาและการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพื่อไม่ให้ตกยุค เราคงจะต้องติดตามคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับชิ้นส่วนรถจักรยานกันบ้างละ

คำว่าจักรยาน ภาษาอังกฤษ คือ bicycle , cycle  และอีกคำหนึ่งที่ใช้กันบ่อยคือ bike คำนี้มีความหมายเป็นได้ทั้งจักรยาน และมอเตอร์ไซด์

ส่วนต่าง ๆ ของ รถจักรยาน  ภาษาอังกฤษ

ชิ้นส่วนรถจักรยานภาษาอังกฤษ

air valve แปลว่า วาล์วเติมลมยาง (ท่อที่ติดอยู่กับยางรถ เป็นช่องสำหรับเติมลม)
back fork แปลว่า ตะเกียบหลังจักรยาน (โครงเหล็กส่วนที่ยึดล้อ )
baggage carrier แปลว่า ที่วางสัมภาระ
brake แปลว่า เบรก , ห้ามล้อ (ส่วนที่ติดอยู่กับล้อ เมื่อบีบคันเบรก เบรกจะทำการห้ามล้อ)
brake lever แปลว่า คันเบรก
chain แปลว่า โซ่
chain guard แปลว่า ครอบโซ่

fender แปลว่า บังโคลนรถ
front fork แปลว่า ตะเกียบหน้าจักรยาน (โครงเหล็กส่วนที่ยึดล้อ )

front brake แปลว่า เบรกล้อหน้า
gearshift แปลว่า คันเปลี่ยนเกียร์
grip แปลว่า ด้ามจับ พลาสติกหุ้มแฮนด์รถ ส่วนที่เราใช้มือจับ เวลาขี่จักรยาน)

handlebar คือ แฮนด์รถ
headlight คือ ไฟหน้า
hub คือ ดุมล้อ
kick-stand คือ ขาตั้ง (ค้ำยันจอด)
pedal คือ ที่ถีบปั่นจักรยาน (ส่วนที่วางเท้า เพื่อปั่นจักรยาน)
rear brake คือ เบรกหลัง

rear tire แปลว่า ยางล้อหลัง
rim แปลว่า ขอบล้อ
saddle แปลว่า อานรถ (ส่วนที่ใช้นั่ง)
spoke แปลว่า ซี่ล้อรถ
tire แปลว่า ยางรถ
tire pump แปลว่า ที่สูบลมรถ

การขับรถซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำทุกวันสำหรับบางท่านนั้น มีคำกิริยาที่หลากหลายอยู่ในกระบวนการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น การเหยีบคันเร่ง, เปลี่ยนเกียร์, เบรก, ขับถอยหลัง เป็นต้น ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับบรรดาคำกิริยาภาษาอังกฤษที่ใช้ในการขับรถ

คำกิริยาขับรถ ภาษาอังกฤษ

คำกิริยาในการขับรถ

accelerate แปลว่า เร่งความเร็ว , เหยียบคันเร่ง

back up แปลว่า ถอยรถ , ขับถอยหลัง

change gears แปลว่า เปลี่ยนเกียร์

crash แปลว่า ชน

drive แปลว่า ขับรถ

fasten seat-belt แปลว่า คาดเข็มขัดนิรภัย

fill up with gas แปลว่า เติมน้ำมัน  (น้ำมันเบนซิน คือ Gasoline)

park แปลว่า จอดรถ

pass แปลว่า ขับผ่าน , ขับแซง  รถคันอื่น

push the accelerator แปลว่า เหยียบคันเร่ง

push the clutch แปลว่า เหยียบคลัทช์

race แปลว่า แข่งความเร็ว , ขับเร็ว

run out of gas แปลว่า น้ำมันหมด

Shift Transmission into Reverse แปลว่า เข้าเกียร์ถอยหลัง

slow down แปลว่า ลดความเร็ว

speed up แปลว่า เพิ่มความเร็ว

stop แปลว่า จอด

เครื่องสำอางแต่งหน้า (Makeup) เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับผู้หญิงมาเนิ่นนานแล้ว และดูเหมือนเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้หญิงหลาย ๆ คน หากไม่แต่งหน้าวันใดก็จะขาดความมั่นใจทันที

อุปกรณ์ เครื่องสำอาง ในการแต่งหน้านั้นมีอยู่หลายชนิด ซึ่งบางอย่างก็เรียกทับศัพท์กันแทนคำไทย ทำให้แม้ไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษก็ทราบความหมายอยู่แล้ว เช่น ลิปสติก

แต่งหน้าภาษาอังกฤษ

 

blush brush แปลว่า แปรงปัดแก้ม

คำว่า blush นั้นแปลว่า หน้าแดง (ด้วยความอาย) เมื่อรวมกับ brush ที่แปลว่า แปรง จึงมีความหมายว่า แปรงปัดแก้ม

 

brow brush แปลว่า แปรงเขียนคิ้ว

 

eye shadow แปลว่า อายแชโดว์

เป็น เครื่องสําอางที่ใช้ทาลงบนเปลือกตา

 

eyebrow pencil แปลว่า ดินสอเขียนคิ้ว

 

eyelash curler แปลว่า ที่ดัดขนตา

 

eyeliner แปลว่า อายไลเนอร์

เป็นเครื่องสําอางที่ใช้เขียนรอบรูปทรงของดวงตา เพื่อเน้นให้ดวงตาสวยเด่น

 

lipstick แปลว่า ลิปสติก

เป็นเครื่องสําอางแต่งสีให้ริมฝีปาก

 

foundation แปลว่า รองพื้น
liquid foundation แปลว่า รองพื้นชนิดน้ำ
cream compact foundation รองพื้นชนิดครีม
Powder foundation รองพื้นชนิดแป้ง

 

mascara แปลว่า มาสคารา

เครื่องสำอางที่ใช้เพิ่มความหนาและความยาวแก่ขนตา

 

ได้รู้คำศัพท์อุปกรณ์ เครื่องสำอางที่ใช้ในการแต่งหน้ากันไปแล้ว เราย้อนมาดูคำว่าการแต่งหน้ากันบ้าง

คำว่า makeup เป็นคำนาม แปลว่า สารหรือเครื่องสำอางที่ใช้กับใบหน้าเพื่อทำให้ดูดี

ซึ่งหากจะพูดประโยคว่า แต่งหน้านั้น ให้ใช้คำว่า

wear makeup

put on makeup

เช่น

I put on a little eye make-up.  แปลว่า ฉันแต่งหน้าที่ดวงตานิดหน่อย
She wears a lot of make-up. เธอใช้เครื่องสำอางค์แต่งหน้าเยอะ  (เธอแต่งหน้าเยอะ)

วันนี้เราจะมาเรียนรู้คำศัพท์หมวดหมู่อาชีพในภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นอีกชุดคำศัพท์ที่เด็ก ๆ ชื่นชอบ ไม่แพ้กลุ่มคำอื่น ๆ นอกจากจะได้เรียนรู้แล้ว ยังเป็นแรงบันดาลใจ เป็นเป้าหมายให้กับเด็ก ๆ ได้อีกด้วย ว่าโตขึ้นไปพวกเขาอยากที่จะทำงานหน้าที่อะไร

รายชื่ออาชีพภาษาอังกฤษ

 

 Accountant แปลว่า นักบัญชี

Actor /Actress แปลว่า นักแสดงชาย / นักแสดงหญิง

Architect แปลว่า สถาปนิก

Astronomer แปลว่า นักดาราศาสตร์

Author แปลว่า นักเขียน

 

Baker แปลว่า คนทำขนมปัง

Bricklayer แปลว่า ช่างก่ออิฐ , ช่างปูน

Bus driver แปลว่า คนขับรถประจำทาง

Butcher แปลว่า คนขายเนื้อ

 

Carpenter แปลว่า ช่างไม้

Chef/Cook แปลว่า พ่อครัว , กุ๊ก

Cleaner แปลว่า พนักงานทำความสะอาด

 

Dentist แปลว่า ทันตแพทย์

Designer แปลว่า นักออกแบบ

Doctor แปลว่า  หมอ ,แพทย์

Dustman/Refuse collector แปลว่า พนักงานเก็บขยะ

 

Electrician แปลว่า ช่างไฟฟ้า

Engineer แปลว่า วิศวกร

 

Factory worker แปลว่า พนักงานโรงงาน

Farmer แปลว่า ชาวนา

Fireman/Fire fighter แปลว่า เจ้าหน้าทีดับเพลิง

Fisherman แปลว่า ชาวประมง

 

Gardener แปลว่า ชาวสวน

Hairdresser แปลว่า ช่างทำผม

 

Journalist แปลว่า นักข่าว

Judge แปลว่า ผู้พิพากษา

 

Lawyer แปลว่า ทนายความ

Lecturer แปลว่า วิทยากร

Librarian แปลว่า บรรณารักษ์

Lifeguard แปลว่า การ์ดช่วยคนจมน้ำ

 

Mechanic แปลว่า ช่างเครื่อง

 

Newsreader แปลว่า ผู้ประกาศข่าว

Nurse แปลว่า นางพยาบาล

 

Optician แปลว่า ช่างแว่นตา

 

Painter แปลว่า จิตรกร ,ช่างทาสี

Pharmacist แปลว่า เภสัชกร

Photographer แปลว่า ช่างถ่ายรูป

Pilot แปลว่า นักบิน

Plumber แปลว่า ช่างประปา

Politician แปลว่า นักการเมือง

Policeman/Policewoman แปลว่า ตำรวจ / ตำรวจหญิง

Postman แปลว่า บุรุษไปรษณีย์

 

Real estate agent แปลว่า นายหน้าซื้อขายที่ดิน

Receptionist แปลว่า พนักงานต้อนรับ

Scientist แปลว่า นักวิทยาศาสตร์

Secretary แปลว่า เลขานุการ

Soldier แปลว่า ทหาร

 

Tailor แปลว่า ช่างตัดเสื้อ

Taxi driver แปลว่า คนขับรถแท็กซี่

Teacher แปลว่า ครู

Translator แปลว่า นักแปล

 

Veterinary doctor แปลว่า สัตวแพทย์

Waiter/Waitress แปลว่า พนักงานเสิร์ฟชาย / นักงานเสิร์ฟหญิง

Window cleaner แปลว่า พนักงานเช็ดกระจก

เพื่อให้จดจำได้ง่ายยิ่งขึ้น เราจะแบ่งหมวดหมู่คำศัพท์ สภาพอากาศ (weather) ภาษาอังกฤษออกเป็น 4 ลักษณะ คือ ท้องฟ้าแจ่มใสหรือมีเมฆ ,ฝนตก ,อากาศหนาว และ ลมแรง

สภาพอากาศภาษาอังกฤษ

Clear or Cloudy : ท้องฟ้าแจ่มใสหรือมีเมฆ

Bright หมายถึง อากาศสดใส ดวงอาทิตย์ส่องแสงแรง
Sunny หมายถึง แดดจัด ไม่มีเมฆ
Clear หมายถึง ท้องฟ้าโปร่ง ไม่มีเมฆ
Fine หมายถึง ฝนไม่ตก ท้องฟ้าโปร่ง
Partially cloudy หมายถึง มีเมฆบางส่วน
Cloudy หมายถึง มีเมฆมาก
Overcast หมายถึง มีเมฆมืดครึ้ม
Gloomy หมายถึง อากาศหม่นหมอง มีเมฆดำ

Fog (noun)/ foggy (adjective) หมายถึง มีหมอกปกคลุมไปทั่ว
Mist (noun) / misty (adjective) หมายถึง มีหมอกจาง ๆ

Types of Rain: =ประเภทของฝน

Damp หมายถึง อากาศชื้น โดยมากเกินขึ้นหลังฝนหยุดตก
Drizzle หมายถึง ฝนตกปรอย ๆ
Shower หมายถึง ฝนตกปรอย ๆ , ฝนตกกระจัดกระจายไม่ทั่วฟ้า
Rain หมายถึงฝนตก
Downpour หมายถึง ฝนตกหนัก
Pour หมายถึง ฝนตกหนัก
It’s raining cats and dogs หมายถึง ฝนตกหนัก (เป็นสำนวน)
Torrential rain หมายถึง ฝนตกหนักมาก
Flood หมายถึง น้ำท่วม

 

Cold : อากาศหนาว

Hail หมายถึง ลูกเห็บ (ก้อนน้ำแข็งตกจากฟ้า)
Hailstones หมายถึง ลูกเห็บ
Snow หมายถึง หิมะ
Sleet หมายถึง หิมะ หรือ ลูกเห็บ ตกลงมาพร้อมฝน
Blizzard หมายถึง พายุหิมะ

 

Types of Wind : ชนิดของลม

Breeze หมายถึง สายลมโชยอ่อน

Blustery หมายถึง ลมกรรโชก (ลมแรงกระทันหัน)

Windy หมายถึง ลมแรงต่อเนื่อง

Gale หมายถึง ลมแรงจัด , พายุ

Hurricane/cyclone/typhoon หมายถึง พายุเฮอริเคน / ไซโคลน / พายุไต้ฝุ่น

Tornado หมายถึง พายุทอร์นาโด

ถึงแม้คำว่า Wake up และ Get up ในภาษาอังกฤษ ต่างก็มีความหมายแปลว่าตื่นนอนทั้งคู่ แต่จริง ๆ แล้ว ทั้งสองคำนี้มีความแตกต่างกันอยู่อย่างมากเลยทีเดียว

get up หมายถึง ลุกขึ้นจากที่นอน ,เปลี่ยนจากท่านอนเป็นลุกขึ้นยืนด้วยเท้า

I first thing I do when I get up is go to the toilet.
สิ่งแรกที่ฉันทำเมื่อฉันตื่นนอน(ลุกขึ้นจากที่นอน) คือ ไปเข้าห้องน้ำ

wake up หมายถึง รู้สึกตัวหลังจากที่นอนหลับ

เมื่อคุณนอนหลับ คุณจะไม่รู้สึกตัว ทันทีที่คุณรู้สึกตัวไม่ว่าจะตื่นเอง หรือ นาฬิกาปลุกดัง เราเรียกว่าตื่นนอน ซึงคุณอาจจะยังไม่ลุกขึ้นจากที่นอนก็ได้

My alarm clock rang and I woke up immediately.
นาฬิกาปลุกของฉันดังและฉันตื่นนอน (รู้สึกตัว) ทันที

wake up และ get up

โดยสรุปแล้ว wake up คือ หยุดนอนหลับ ,รู้สึกตัว แต่ get up คือ ลุกขึ้นจากที่นอน

I wake up around 7 o’clock but I don’t get up until around 8.
ฉันตื่นนอน (รู้สึกตัว) ราว 7 โมงเช้า แต่ยังไม่ลุกขึ้นจนกระทั่งโปดโมง.

Daily Routines แปลว่า กิจวัตรประจำวัน ในวันนี้เราจะมาเรียนรู้รายการคำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันกัน เพราะถือว่าเป็นอีกหมวดหมู่คำศัพท์ที่ใกล้ตัวเราเหลือเกิน เพราะกิจกรรมเหล่านี้พวกเราทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องปฏิบัติกันแทบทุกวันอยู่แล้ว

คําศัพท์ภาษาอังกฤษ หมวดกิจวัตรประจําวัน

กิจวัตรประจำวันภาษาอังกฤษ

wake up แปลว่า ตื่นนอน (รู้สึกตัว)

get up แปลว่า ตื่นนอน (ลุกขึ้นจากเตียง)

wash face แปลว่า ล้างหน้า

brush teeth แปลว่า แปรงฟัน

get shaved แปลว่า โกนหนวด

take a shower แปลว่า อาบน้ำ

have breakfast แปลว่า ทานอาหารเช้า

get dressed แปลว่า แต่งตัว

get on the bus แปลว่า ขึ้นรถประจำทาง

go to school แปลว่า ไปโรงเรียน

go to work แปลว่า ไปทำงาน

have class แปลว่า มีเรียนหนังสือ

read book แปลว่า อ่านหนังสือ

have lunch แปลว่า รับประทานอาหารกลางวัน

do exercises แปลว่า ออกกำลังกาย

watch TV แปลว่า ดูทีวี

do homework แปลว่า ทำการบ้าน

listen to music แปลว่า ฟังเพลง

drive a car แปลว่า ขับรถ

surf the net แปลว่า ท่องเน็ต (เปิดเว็บไซต์)

water the garden แปลว่า รดน้ำต้นไม้ในสวน

have dinner แปลว่า รับประทานอาหารค่ำ

drink fruit juice แปลว่า ดื่มน้ำผลไม้

play games แปลว่า เล่นเกมส์

draw pictures แปลว่า วาดรูป

go to bed แปลว่า เข้านอน

sleep แปลว่า นอนหลับ

ต่อไปนี้ คือ รายการ Adverbs (คำกริยาวิเศษณ์) จำนวน 50 คำที่พบว่ามีการใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ ซึ่งหากผู้เรียนภาษาอังกฤษสามารถจดจำความหมายได้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ

Adverbs 50 คำ

adverbs 50 คำ

เนื่องจากคำศัพท์หลายคำอาจทำหน้าที่ได้หลายประเภทไม่ว่าจะ  adverbs , adjective , noun , verb , conjunction ,preposition แต่ในที่นี้เรากล่าวถึงในส่วนของ adverbs จึงขอนำความหมายที่เป็น adverbs เท่านั้นมาแปลให้

up แปลว่า ขึ้นไป , อยู่เหนือ , ตรง
so แปลว่า ดังนั้น, มาก
out แปลว่า  ออก , ข้างนอก
just แปลว่า เดี๋ยวนี้, เพียงแค่ , เกือบจะ
now แปลว่า เดี๋ยวนี้ , ขณะนี้
how แปลว่า อย่างไร , เพียงใด
then แปลว่า เวลานั้น , ถัดมา
more แปลว่า มากกว่า
also แปลว่า ด้วย ,เช่นเดียวกัน
here แปลว่า ที่นี่

well แปลว่า ดี
only แปลว่า เท่านั้น , แค่
very แปลว่า มาก
even แปลว่า แม้แต่
back แปลว่า กลับ ,ถอยหลัง
there แปลว่า ที่นั่น , ตรงนั้น
down แปลว่า ลง , ข้างล่าง
still แปลว่า ในขณะนี้ , ยังคง
in แปลว่า ใน , ภายใน
as แปลว่า เท่ากับ , ราวกับ

to แปลว่า ไปยัง
when แปลว่า เมื่อไร
never แปลว่า ไม่เคย
really แปลว่า จริง ๆ , มาก
most แปลว่า ที่สุด , มากที่สุด
on แปลว่า ต่อเนื่อง , ติด
about แปลว่า ประมาณ ,เกือบ
over แปลว่า เกิน , ข้าม
again แปลว่า อีกครั้ง
where แปลว่า ที่ไหน

right แปลว่า ขวา , โดยตลอด
off แปลว่า ไกลออกไป , หมด
always แปลว่า เสมอ ,ตลอดเวลา , เป็นประจำ
today แปลว่า วันนี้ ,ทุกวันนี้
all แปลว่า ทั้งหมด
far แปลว่า  ไกล ,ห่างไกล
long แปลว่า นาน
away แปลว่า ไป ,ออกห่าง
yet แปลว่า ยัง
often แปลว่า มักจะ , บ่อย ๆ

ever แปลว่า เคย , แต่เดิม
however แปลว่า อย่างไรก็ตาม
almost แปลว่า เกือบจะ
later แปลว่า ต่อจากนั้น
much แปลว่า เยอะ
once แปลว่า ครั้งหนึ่ง ,เคย
least แปลว่า น้อยที่สุด
ago แปลว่า แต่ก่อน
together แปลว่า พร้อมกัน , ร่วมกัน
around แปลว่า รอบข้าง ,ราว

คําอุทานในภาษาอังกฤษ คือ คำสั้น ๆ ที่พูดหรือเปล่งเสียงออกมากระทันหัน ตามความเคยชิน เพื่อแสดงความรู้สึกต่าง ๆ ก็เหมือนกับคำอุทานภาษาไทยที่เมื่อเจ็บก็ร้องโอ๊ย! แต่ภาษาอังกฤษร้อง ouch (อ๊อช)

คำอุทานภาษาอังกฤษ

คำอุทาน ความหมาย ตัวอย่าง
aah! ตกใจ หรือ ช็อค “Aaaah! It’s eating my leg!”
aha เข้าใจ “Aha! So you took the money!”
ahem เปล่งเสียงเพื่อให้อีกฝ่ายสนใจ “Ahem! Swearing is against office policy.”
ahh เข้าใจ  “Ahh, yes, I understand now”
argh รำคาญ , โกรธ “Argh, the car won’t work!”
aww ซาบซึ้ง  “Aww, what an adorable puppy”
aw ผิดหวังเล็กน้อย  “Aw, don’t be like that!”
bah ไม่ใส่ใจ , รำคาญ  “Bah, I never liked him anyways.”
boo ไม่เห็นด้วย  “Boo, get off the stage!”
brr หนาว , ตัวสั่น  “Brrr, it’s -20C outside”
d’oh แย่แล้ว (เป็นคำที่ตัวอการ์ตูน Homer Simpson พูด เหมือนมีสิ่งไม่ดี) “I just deleted all my files. D’oh!”
nah ไม่  “Want another beer?” “Nah, I’m good”
oh ตระหนัก  “Oh, you wanted sugar, not milk.”
ooh-la-la ใช้พูด ขำ ๆ หรือ ตลก เพื่อแสดงให้เห็นว่าบางสิ่งอยู่ในระดับสูง “A seven layer wedding cake? Ooh-la-la!”
ooh ประหลาดใจ “Oooh, it’s shiny!”
oomph เสียงเมื่อออกแรงอย่างฉับพลัน “Push on 3.. 1, 2, 3.. oomph!”
oops ปะหลาดใจ หรือ ยอมรับในความผิดพลาดที่ตนเองทำ “Oops, I knocked your cup over”
ow, oww, ouch เจ็บ “Oww, I hit my thumb”
oy , oi, oyh เฮ้ เช่น เฮ้ คุณลืมกระเป๋าสตางค์ “Oy! You forgot your wallet!”
oy “โอ้ ไม่” “The bills are biling up. Oy…”
pew เหม็น “Pew, that smells so gross!”
phew แสดงความโล่งอก “I didn’t do my homework, but the teacher didn’t check. Phew!”
psst ใช้ดึงดูดความสนใจ ส่วนใหญ่ใช้ในการบอกความลับ “Psst! Want to know a secret?”
sheesh  โกรธ , รำคาญ “Sheesh, now he’s drunk again”
shh ใช้เพื่อบอกให้เงียบ “Shh! Keep your voice down!”
shoo คำที่ใช้ขู่ หรือ ไล่ให้ไปไกล ๆ (ภาษาไทยใช้ ชิ้ว) “Get out of here! Shoo!”
tsk tsk แสดงความผิดหวัง ไม่พอใจ “Tsk-tsk, he is late for work again
uh-hu ใช่ , เห็นด้วย “Do you think so too?” “Uh-hu”
uh-uh ปฏิเสธ ไม่เห็นด้วย “Eat your spinach!” “Uh-uh!”
uhh เอ่อ (ใช้พูดเมื่อหยุดคิดชั่วครู่) “Seven times eight is… uhh… 56”
wee ,whee, weee เป็นคำที่เด็กใช้เมื่อทำอะไรสนุก ,ผู้ใหญ่ใช้ประชดบางสิ่งที่สนุกแต่ดูเด็ก ๆ “Weee! Faster!”
whoa ใช้เตือนให้ระวัง , ประหลายใจ , เดิมใช้สั่งม้าให้หยุดหรือชะลอความเร็ว “Whoa, take it easy!”
wow ประทับใจ “Wow, that’s incredible!”
yahoo , yippie เปล่งเสียงแสดงความสุข “yahoo! We won!”
yay แสดงความยินดี “Yay! We won!”
yeah คำแสลงของ yes ที่แปลว่า ใช่ “Yeeeaah! Kick his butt!”
yoo-hoo  ใช้ดึงความสนใจของคน “Yoo-hoo, sugercup! Come give me a hug!”

ถ้าจะฝึกภาษาอังกฤษให้ถึงแก่นแท้ คงจะต้องหัดอุทานเป็นภาษาอังกฤษด้วย  hahaha