Home Archives 2014 April

Monthly Archives: April 2014

present perfect tense เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของ tense ในภาษาอังกฤษที่ถูกใช้บ่อย แต่เนื่องจากรูปแบบทางภาษาอังกฤษไม่ตรงกันกับภาษาไทย จึงทำให้ผู้เรียนรู้สึกสับสนบ้าง

อย่างไรก็ดี หากผู้ศึกษาภาษาอังกฤษได้ทราบถึงโครงสร้าง และหลักการใช้ Present Perfect Tense ที่ถูกต้อง ก็จะสามารถทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว

โครงสร้างของ Present Perfect Tense

 subject + auxiliary verb (have , has) + past participle

ประธาน + กริยาช่วย (have หรือ has ) + กริยา ช่องที่ 3

เช่น I have finished my work

Present Perfect Tense

เมื่อไรที่เราใช้ Present Perfect Tense

1. ใช้กล่าวถึงประสบการณ์ที่เราเคยทำในอดีต โดยไม่ระบุว่าสิ่งที่ทำนั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด โดยมากมักจะมีคำว่า ever ,never ประกอบประโยค เช่น

I have never met Nadej. ฉันไม่เคยเจอณเดช

 

2. กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลง หรือ ข้อมูลใหม่ เช่น

I have bought a bicycle.  ฉันได้ซื้อจักรยานหนึ่งคัน (ก่อนหน้านี้ยังไม่ซื้อจักรยาน แต่ตอนนี้ซื้อแล้ว)

 

3. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตซึ่งดำเนินต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน มักใช้คำว่า since หรือ for ร่วมประกอบประโยค เช่น

I have worked here since 1980.  ฉันทำงานที่นี่ตั้งแต่ปี 1980

He has lived in London for 10 years. เขาอยู่ในลอนดอนมา 10 ปีแล้ว (ปัจจุบันก็ยังอยู่)

หมายเหตุ

for จะใช้กับช่วงระยะเวลา เช่น 5 นาที , 10 ชั่วโมง , 15 ปี

since จะใช้กับเวลา ณ จุดใดจุดหนึง เช่น 14 นาฬิกา , เดือนพฤษภาคม , ปี 2010

ในภาษาอังกฤษนั้น มีหลักในการใช้ Present Continuous Tense เมื่อต้องกล่าวถึงสถานการณ์ดังต่อไปนี้

1. พูดคุยถึงกิจกรรมที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ เช่น

I am singing ฉันกำลังร้องเพลง

 

2. ใช้บอกเหตุการณ์ที่กำลังทำอยู่ แต่ไม่ได้ทำในขณะที่พูด

I am working in Bangkok this week. ฉันกำลังทำงานในกรุงเทพในสัปดาห์นี้  (ขณะพูดอาจจะเป็นช่วงเลิกงานแล้ว ไม่ได้นั่งทำงานอยู่)

 

3. ใช้กล่าวถึงสิ่งที่จะทำในอนาคตอันใกล้

It is raining soon . ฝนกำลังจะตกในไม่ช้า (ขณะพูด ฝนยังไม่ตก แต่ท้องฟ้ามืดครึ้ม )

I am going to see the movie tomorrow. ฉันจะไปดูหนังในวันพรุ่งนี้

การใช้ Present Continuous Tense

โครงสร้างของ Present Continuous Tense

subject     +     auxiliary verb      +     main verb  + ing

ประธาน + กริยาช่วย (Verb to be ) + กริยาหลัก เติม ing

subject auxiliary verb main verb
I am sitting
We are Playing soccer
He is watching television

ประโยคปฏิเสธใน Present Continuous Tense

เราสามารถเปลี่ยนประโยคบอกเล่าให้กลายเป็นประโยคปฏิเสธได้ด้วยการเติมคำว่า not ที่ข้างหลังคำกริยาช่วย (auxiliary verb) เช่น

I am playing football กลายเป็น I am not playing football  แปลว่า ฉันไม่ได้กำลังเล่นฟุตบอล

 

ประโยคคำถามใน Present Continuous Tense

มีโครงสร้าง คือ   is, am ,are (auxiliary verb) + subject  +     main verb  + ing

เช่น จากประโยคบอกเล่า he is drinking water เปลี่ยนเป็นประโยคคำถามได้ ดังนี้

Is he drinking water ? เขากำลังดื่มน้ำอยู่ ใช่หรือไม่ ?

 

กรณีที่ต้องการสร้างประโยคคำถามด้วยกลุ่มคำ Question Words เช่น what (อะไร), when (เมื่อไร) , where (ที่ไหน) , who (ใคร)

ให้วางคำ Question Words ที่ข้างหน้าของประโยคคำถามใน Present Continuous Tense ได้เลย เช่น

He is watching television. เขากำลังดูทีวี

Where is he watching television? เขากำลังดูทีวีอยู่ที่ไหน

ในบทเรียนนี้เราจะได้ทราบถึงหลักในการใช้ประโยค Present Simple Tense ซึ่งประกอบไปด้วยโครงสร้างของประโยคและทราบว่าเมื่อใดบ้างที่จำเป็นต้องใช้ Present Simple

present simple tense ใช้อย่างไร

 เราจะใช้ Present Simple Tense ในเหตุการณ์ดังต่อไปนี้

– เป็นการกระทำที่เป็นกิจวัตร

– เกิดขึนเป็นประจำอยู่เสมอ

– เป็นความจริงเสมอ

– เป็นความจริงขณะที่พูด

 

โครงสร้างของ Present Simple Tense

 ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (เติม s เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ แต่ยกเว้น i กับ you)

ตัวอย่างเช่น

I like coffee ฉันชอบกาแฟ

He likes coffe เขาชอบกาแฟ (คำว่า like เติม s เพราะเป็นเอกพจน์ และไม่ใช่ i กับ you)

 

ประโยคปฏิเสธ ใน Present Simple Tense

การเปลี่ยนประโยคบอกเล่า เป็นประโยคปฏิเสธทำได้ ดังนี้

 

– กรณีที่คำกริยาเป็น Verb to be ซึ่งได้แก่ is , am ,are ให้เติมคำว่า not เข้าไปข้างหลัง

ตัวอย่างเช่น

I am Thai แปลว่า ฉันเป็นคนไทย

I am not Thai แปลว่า ฉันไม่ใช่คนไทย

 

– กรณีที่ในประโยคบอกเล่าไม่มี verb to be การเปลี่ยนเป็นประโยคปฏิเสธ ให้เพิ่มคำกริยาช่วย (do , does) แล้วเติม not ที่ข้างหลังกริยาช่วยนั้น

ตัวอย่างเช่น

I like coffee ฉันชอบกาแฟ

I do not like coffee ฉันไม่ชอบกาแฟ

 

He plays football เขาเล่นฟุตบอล

He does not play football เขาไม่เล่นฟุตบอล

 

การเติมกริยาช่วยนั้น ถ้าประธานเป็น I, you, we, they ให้ใช้ do

ถ้าประธานเป็น He, she, it ให้ใช้ does

 

ประโยคคำถาม ใน Present Simple Tense

– กรณีที่คำกริยาเป็น Verb to be ซึ่งได้แก่ is , am ,are ให้ย้ายคำกริยามาไว้ที่หน้าประโยค เช่น

He is a police เขาเป็นตำรวจ

Is he a police ? เขาเป็นตำรวจใช่หรือไม่

 

– กรณีที่คำกริยาในประโยคไม่ใช่ Verb to be ให้เพิ่มกริยาช่วยเข้ามาวางที่หน้าประโยค เช่น

You work at coffee shop คุณทำงานที่ร้านกาแฟ

Do you work at coffee shop ? คุณทำงานที่ร้านกาแฟใช่หรือไม่

คำระบุความถี่ของเหตุการณ์ที่มักจะประกอบอยู่ใน Present Simple Tense

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า present simple tense คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกิจวัตร อย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นคำที่ระบุความถี่ของเหตุการณ์เหล่านี้จึงมักนำมาใช้ประกอบอยู่ในประโยคที่เป็น present simple

always  เสมอ
usually  มักจะ
normally ปกติ
often  บ่อยๆ
sometimes บางครั้ง
occasionally บางครั้งบางคราว
rarely ไม่ค่อยจะ
seldom ไม่ค่อยจะ
hardly ever แทบจะไม่เคย
never ไม่เคย
twice a week  สองครั้งต่อสัปดาห์
every day ทุกวัน

Tenses ในภาษาอังกฤษ แปลเป็นไทยได้ว่า “กาลเวลา” เป็นรูปแบบโครงสร้างของภาษาที่แบ่งออกเป็น 12 รูปแบบ ทำหน้าที่ระบุให้ทราบว่าข้อความหรือคำพูดในแต่ละ tenses นั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด

ก่อนที่จะศึกษาเรื่อง tenses อยากให้ผู้เรียนภาษาอังกฤษที่อยู่ในระดับเริ่มต้น ไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องนี้มากนัก จนถึงขนาดที่ไม่กล้าสื่อสารพูดคุยกับคนต่างชาติ เพราะกลัวจะเลือกใช้ tense ผิด

ว่ากันว่าแม้แต่คนอเมริกันเองที่ใช้ภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เกิด ก็ยังไม่ได้ใช้ tense ถูกต้องทุกคน หากเราไปต่างประเทศและถามเจ้าของภาษาสัก 100 คน เรื่อง tenses จะมีเพียง 1 คนเท่านั้น ที่ตอบทุกอย่างได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นอย่าได้เป็นกังวลจนเกินไปนัก

12 tenses ภาษาอังกฤษ

Tenses ภาษาอังกฤษ 12 แบบ

Tense ในภาษาอังกฤษ โดยหลักแล้วจะมี 3 ชนิด ได้แก่

1. Present Tense  เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

2. Past Tense เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต

3. Future Tense เกี่ยวข้องกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตามที่เราบอกว่า tense มีด้วยกันทั้งหมด 12 แบบนั้น เพราะทั้ง Present Tense  , Past Tense และ Future Tense ยังสามารถแบบย่อยออกมาได้อีกอย่างละ 4 แบบ ดังต่อไปนี้

1. Present Tense

1.1 Present Simple     เกิดขึ้นสม่ำเสมอในช่วงเวลาปัจจุบัน

1.2 Present Continuous     กำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลาปัจจุบัน

1.3 Present Perfect    เกิดขึ้นและจบลงแล้วในเวลาปัจจุบัน

1.4 Present Perfect Continuous     เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังดำเนินต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน และก็ยังดำเนินต่อไปในอนาคต

 

2. Past Tense

2.1 Past Simple    เกิดและจบลงแล้วในอดีต

2.2 Past Continuous     เหตุการณ์ที่กำลังเกิดในอดีต

2.3 Past Perfect     เหตุการณ์ที่เกิดและสิ้นสุดลงแล้วในอดีต

2.4 Past Perfect Continuous     เกิดขึ้นต่อเนื่องในอดีต และจบลงแล้ว ในช่วงเวลาหนึ่งในอดีต

 

3. Future Tense

3.1 Future Simple    จะเกิดขึ้นในอนาคต

3.2 Future Continuous    จะเกิดขึ้น ในเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต

3.3 Future Perfect    เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงในอนาคต เมื่อถึงเวลาที่กำหนด

3.4 Future Perfect Continuous    เกิดขึ้นและดำเนินอยู่ในขณะใดขณะหนึ่งในอนาคต และจะดำเนินต่อเนื่องไปไม่สิ้นสุด

 

ผู้ที่สนใจเรื่องของ ไวยากรณ์ (Grammar) ภาษาอังกฤษ ในส่วนของ tense แต่ละชนิดอย่างละเอียด สามารถตามอ่านได้จากเว็บไซต์ siameng.com แห่งนี้ ซึ่งจะทยอยลงข้อมูลให้ได้ศึกษากันอย่างครบถ้วน

คราวก่อนเราเรียนรู้คำศัพท์สำคัญเรื่องผักกันไปแล้ว ในวันนี้มาดูคำศัพท์ชื่อผลไม้กันบ้าง ซึ่งเราได้คัดเอาคำที่เป็นชื่อผลไม้ยอดนิยมที่ทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี มาให้ผู้เรียนได้ท่องจำกัน

โดยส่วนมากแล้วชื่อผลไม้จัดเป็นกลุ่มคำที่ไม่ยาก จึงนับเป็นอีกหนึ่งคำศัพท์ในชุดแรก ๆ ที่ถูกนำมาสอนให้กับผู้เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ นอกจากนี้การที่เราต้องรับประทานผลไม้กันเป็นประจำอยู่แล้ว ส่งผลให้จดจำและได้ใช้คำศัพท์เหล่านี้อยู่เสมออีกด้วย

ผลไม้ภาษาอังกฤษ

คำศัพท์ภาษาอังกฤษชื่อผลไม้

Apple แปลว่า แอปเปิล
Apricot แปลว่า แอปริคอท
Avocado แปลว่า อะโวคาโด
Banana แปลว่า กล้วย
Bilberry แปลว่า บิลเบอร์รี่
Blackberry แปลว่า แบล็คเบอร์รี่
Blackcurrant แปลว่า แบล็คเคอร์แรนท์
Blueberry แปลว่า บลูเบอร์รี่
Breadfruit แปลว่า สาเก หรือขนุนสำปะลอ
Cantaloupe แปลว่า แคนตาลูป
Cherry แปลว่า เชอร์รี่
Coconut แปลว่า มะพร้าว
Cranberry แปลว่า แครนเบอร์รี่
Cucumber แปลว่า แตงกวา
Currant แปลว่า ลูกเกด
Damson แปลว่า ลูกแดมสัน
Date แปลว่า อินทผลัม
Dragon fruit แปลว่า แก้วมังกร
Durian แปลว่า ทุเรียน
Fig แปลว่า มะเดื่อ
Goji berry แปลว่า โกจิเบอร์รี่
Grape แปลว่า องุ่น
Grapefruit แปลว่า เกรปฟรุต
Guava แปลว่า ฝรั่ง
Jackfruit แปลว่า ขนุน
Jujube แปลว่า พุทรา
Kiwi fruit แปลว่า กีวี
Lansium แปลว่า ลางสาด
Lemon แปลว่า มะนาวเหลือง
Lime แปลว่า มะนาว
longan แปลว่า ลำไย
Lychee แปลว่า ลิ้นจี่
Mango แปลว่า มะม่วง
Mangosteen แปลว่า มังคุด
Mulberry แปลว่า มัลเบอรี่ , ลูกหม่อน
Muskmelon แปลว่า แตงไทย
Nut แปลว่า ถั่วเปลือกแข็ง
Olive แปลว่า มะกอก
Orange แปลว่า ส้ม
Papaya แปลว่า มะละกอ
Passionfruit แปลว่า เสาวรส
Peach แปลว่า ท้อ
Pear แปลว่า ลูกแพร์
Persimmon แปลว่า ลูกพลับ
Physalis แปลว่า โทงเทงฝรั่ง
Pineapple แปลว่า สับปะรด
Plum/prune (dried plum) แปลว่า พลัม / พรุน (ลูกพลัมแห้ง)
Pomegranate แปลว่า ผลทับทิม
Pomelo แปลว่า ส้มโอ
Raisin แปลว่า ลูกเกด
Rambutan แปลว่า เงาะ
Raspberry แปลว่า ราสเบอร์รี่
Star fruit แปลว่า มะเฟือง
Strawberry แปลว่า สตรอเบอร์รี่
Tamarind แปลว่า มะขาม
Watermelon แปลว่า แตงโม

รายชื่อผลไม้และคำแปลเป็นภาษาอังกฤษข้างต้นนั้น มีทั้งผลไม้ที่คุ้นเคยกันดีในประเทศไทย และที่ไม่ค่อยคุ้นชื่อนักเพราะเป็นผลไม้จากโซนทวีปยุโรป โดยเฉพาะกลุ่มเบอรรี่ แต่ปัจจุบันและในอนาคตที่เทคโนโลยีการขนส่งก้าวหน้าขึ้น เชื่อว่าผลไม้แปลก ๆ ที่เราไม่เคยรับประทาน จะถูกนำเข้ามาขายในประเทศไทยมากขึ้นอย่างแน่นอน

คำศัพท์ที่แปลว่าผักในภาษาอังกฤษ คือ vegetable ซึ่งมีความหมายถึงพืชหรือส่วนประกอบของพืชที่กินได้ สำหรับคำอื่นที่เกี่ยวกับผักนั้น ถ้าเป็นผักใบเขียว เราจะใช้คำว่า Greens

 รายชื่อผักชนิดต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษ

ต่อไปนี้ คือ รายชื่อผักซึ่งเป็นที่นิยมในการนำมาทำอาหาร ที่รู้จักกันดีทั้งในประเทศไทยและต่างชาติ รับรองได้ว่าถ้าคุณจดจำรายชื่อผักเหล่านี้ได้ทั้งหมด เมื่อต้องไปเดินจ่ายตลาด คุณจะเรียกชื่อผักในตลาดได้ถูกต้องเกือบทุกอย่าง

ชื่อผักภาษาอังกฤษ

beans ถั่ว
broccoli บลอคโคลี่
cabbage กะหล่ำปลี
carrots แครอท
cauliflower กะหล่ำดอก
celery ผักชีฝรั่ง
chili พริก
collard greens ผักกระหล่ำปลี
coriander ผักชี
corn ข้าวโพด
cucumbers แตงกวา
garlic กระเทียม
ginger ขิง
ginseng โสมจีน
green beans ถั่วเขียว
Kale ผักคะน้า
lettuce ผักกาดหอม
mushroom เห็ด
onions หัวหอม
peas เมล็ดถั่ว
pepper พริกไทย
potatoes มันฝรั่ง
pumpkin ฟักทอง
Radish หัวไชเท้า
spinach ผักขม
Squashes ฟักทอง
Tomato มะเขือเทศ
tomatoes มะเขือเทศ
Turnip หัวผักกาด
Watercress แพงพวย

ในครั้งหน้า เราจะนำชุดคำศัพท์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำอาหาร มานำเสนอให้ผู้เรียน ได้ท่องจำเป็นความรู้เพิ่มเติมกันต่อไป อย่าลืมติดตามอ่านกันนะครับ

resume คือ ประวัติย่อ ซึ่งใช้ในการสมัครงาน เพื่อให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจของบริษัทได้พิจารณาว่าคุณสมบัติของผู้สมัครเข้าทำงานเหมาะสมกับตำแหน่งที่เปิดรับหรือไม่

ปัจจุบันหลายบริษัทในประเทศไทยนิยมให้ผู้สมัครงานเขียน resume เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อทดสอบทักษะทางด้านภาษาไปด้วย นอกจากนั้นบางบริษัทยังมีผู้บริหารเป็นชาวต่างชาติ จึงจำเป็นต้องเขียน resume ด้วยภาษาอังกฤษเท่านั้น

วิธีเขียน  resume ภาษาอังกฤษ

โดยทั่วไปแล้วไม่ว่าเราจะเลือกใช้แบบฟอร์มของ resume แบบไหนก็ตาม ส่วนประกอบที่เราต้องเขียน ล้วนแล้วก็เหมือนกัน ดังต่อไปนี้

1. ข้อมูลส่วนตัว (Personal Information) ประกอบไปด้วย
ชื่อ นามสกุล , ที่อยู่ ,เบอร์โทรศัพท์ , อีเมล์

2. ประวัติการศึกษา (education history)

3. ประวัติการทำงาน (employment history)
ตำแหน่งงานและหน้าที่ความรับผิดชอบ ที่ผ่านมา

4. คุณสมบัติหรือทักษะ พิเศษ (special qualifications or skills) เช่น
ความสามารถด้านภาษา , คอมพิวเตอร์

5. ผู้อ้างอิง (your references)

6. เงินเดือนที่คาดหวัง (Salary Requirements)

ทีนี้เรามาดูตัวอย่างกันให้เห็นชัดเจน ว่า resume ในแบบฟอร์มที่เป็นสากลนั้น มีลักษณะอย่างไร

ตัวอย่าง resume ภาษาอังกฤษ

วิธีเขียน resume ภาษาอังกฤษ

 

มีด้วยกัน 2 หน้ากระดาษ ใครที่กำลังหาอยู่ว่าจะเขียนประวัติย่อสมัครงานอย่างไร สามารถใช้แบบฟอร์มข้างบนนี้ เป็นตัวอย่างในการเขียนได้ แต่อย่าลืมเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้เป็นของตัวเราเองทั้งหมดด้วยหละ

ในระยะนี้เป็นช่วงเวลาปิดเทอมใหญ่ซึ่งหลายคนก็คงได้พักผ่อน ทำกิจกรรมที่สนุกสนานร่วมกับครอบครัว แต่สำหรับผู้ที่สนใจความรู้เรื่องภาษาอังกฤษ ก็สามารถติดตามอ่านบทความสอนภาษาได้จากเว็บไซต์ siameng.com

คำว่าปิดเทอมในภาษาอังกฤษนั้น ใช้คำศัพท์อะไร

ปิดเทอม ภาษาอังกฤษ

School holiday แปลว่า วันหยุดของโรงเรียน ซึ่งวันปิดเทอมนั้นก็จัดอยู่ในประเภทนี้ด้วยเช่นกัน จึงสามารถใช้คำศัพท์นี้แทนคำว่าปิดเทอมได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม คำว่า School holiday เป็นคำที่กว้าง ซึ่งรวมถึงวันหยุดอื่น ๆ ของโรงเรียนด้วย เช่น วันหยุดตามเทศกาลต่าง ๆ หากเราต้องการระบุให้ผู้ฟังเข้าใจชัดเจนว่าเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ จะใช้คำว่า Summer holiday

Summer holiday คือ วันปิดเทอมนั่นเอง แต่หากแปลตรงตัวก็จะได้ความหมายว่า วันหยุดภาคฤดูร้อน

ระยะเวลาปิดเทอมใหญ่ในทุกประเทศทั่วโลก จะอยู่ในช่วงฤดูร้อนเหมือนกันหมด ด้วยเหตุนี้เองคำว่า วันหยุดภาคฤดูร้อน จึงเป็นคำที่เข้าใจตรงกันว่า เป็นวันปิดเทอม

นอกจากคำว่า Holiday ที่ใช้แทนคำว่าวันหยุดแล้ว เรายังสามารถใช้คำว่า Vacation แทนได้ด้วย

School Vacation ก็คือ วันหยุดของโรงเรียน , ส่วนSummer Vacation ก็คือ วันปิดเทอมใหญ่ในช่วงฤดูร้อน นั่นเอง

เป็นขนบธรรมเนียมที่ตรงกันทุกชาติสำหรับการกล่าวอวยพรให้กับผู้ที่เรารู้จักในวันเกิดของเขา ซึ่งหากเจ้าของวันเกิดที่คุณรู้จักเป็นชาวต่างชาติก็จำเป็นต้องกล่าวคำอวยพรวันเกิดเป็นภาษาอังกฤษแทนที่จะใช้ภาษาไทยที่เขาฟังไม่ออก

ตัวอย่างการกล่าวคำอวยพรวันเกิดภาษาอังกฤษ

อวยพรวันเกิดภาษาอังกฤษ

A birthday is the most special day in one’s life. Enjoy it to the fullest.
วันเกิดเป็นวันที่พิเศษสุดในชีวิตของคนคนหนึ่ง . มีความสุขกับมันให้เต็มที่

Hope you have a birthday that’s as cool as you.
ขอให้คุณมีวันเกิดที่ยอดเยี่ยมเหมือนกับตัวคุณ

I hope that today is the beginning of another wonderful year for you. Happy birthday.
ฉันขอให้วันนี้เป็นวันเริ่มต้นของอีกปีที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุณ . สุขสันต์วันเกิด

For your birthday, I just want to say: I hope you can see how special you are to me. Happy birthday, my love!
วันเกิดของคุณ ฉันเพียงต้องการบอกว่า ฉันปรารถนาให้คุณเห็นว่าคุณพิเศษเพียงใดต่อฉัน สุขสันต์วันเกิด ที่รักของฉัน

Forever young and good-looking. That’s all I wish for you on your birthday!
ดูเด็กและดูดีตลอดกาล นั่นคือทั้งหมดที่ฉันอวยพรสำหรับคุณในวันเกิดของคุณ

Thinking of you and wishing you all the best on your birthday.
คิดถึงคุณและหวังว่าคุณจะมีแต่สิ่งดีในวันเกิดของคุณ

Happy birthday to the most wonderful person on earth!
สุขสันต์วันเกิดไปยังคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนโลก

I want to wish you happiness for your birthday and every day. Happy Birthday.
ฉันขอให้คุณมีความสุขในวันเกิดและทุก ๆ วัน ของคุณ สุขสันต์วันเกิด

The secret to staying young is to live honestly, eat slowly, and lie about your age.
ความลับที่ทำให้คุณดูหนุ่ม/สาว คือ อยู่อย่างซื่อตรง รับประทานช้า ๆ และโกหกอายุของคุณ.

มีทั้งคำกล่าวอวยพรทั้งเพื่อน และคนรัก ลองนำไปเป็นตัวอย่างในการเขียนหรือพูดพูดอวยพรวันเกิดให้กับคนที่คุณรู้จัก รับรองว่าเขาต้องประทับใจอย่างแน่นอน

วิธีพูดให้กำลังใจในภาษาอังกฤษ สามารถใช้คำใดได้บ้าง ในบทเรียนวันนี้เราจะได้ทราบกัน เพื่อนำไปใช้ในการปลุกพลังให้กับผู้ที่ท้อแท้ หมดหวัง ให้กลับมาอดทนต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิต

ให้กำลังใจ ภาษาอังกฤษ

ให้กำลังใจ ภาษาอังกฤษ

I know you can do it.
ฉันรู้ว่าคุณสามารถทำได้

I believe in you.
ฉันเชื่อในตัวคุณ

You have a lot of talent
คุณมีความสามารถมาก

Don’t give up
อย่ายอมแพ้

Next time we’ll do it perfectly!
ครั้งต่อไปเราจะทำมันได้อย่างสมบูรณ์

I’m proud of you.
ฉันภูมิใจในตัวคุณ

It’s been a pleasure to be with you.
มันเป็นความสุขที่ได้อยู่กับคุณ

I have confidence in your abilities.
ฉันมั่นใจในความสามารถของคุณ

I have faith in you.
ผมมีความเชื่อมั่นในตัวคุณ

Try again
ลองอีกครั้ง

Awesome!
ยอดเยี่ยม

ถ้อยคำเหล่านี้จะช่วยเป็นกำลังใจ สร้างความมั่นใจ ให้กับผู้ฟังได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหนก็เหมือนกัน หากขาดคนที่เข้าใจคอยช่วยส่งเสริมเป็นแรงใจ ก็ยากที่จะทำสิ่งที่ท้าทายได้สำเร็จ

ในยามที่ใครสักคนหมดความมั่นใจและคุณใช้คำพูดให้กำลังใจเหล่านี้กับเขา คุณจะกลายเป็นมิตรแท้ เป็นคนสำคัญ อย่างแน่นอน